การออกแบบโกดังหรือคลังสินค้า เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากมีผลระยะยาวต่อการเก็บสินค้า โดยผู้ผลิตส่วนใหญ่อาจให้ความสำคัญในเรื่องต้นทุนในการสร้างมากเกินไป จนเป็นเหตุให้โครงสร้างของทั้งการออกแบบและก่อสร้าง ไม่มีประสิทธิภาพ
10 เทคนิควางแผนก่อนสร้างโกดัง คลังสินค้า
- การเลือกทำเล การเลือกทำเลที่ตั้งของโกดัง ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่จะคำนึงถึงถึงความเหมาะสมเพื่อประโยชน์ของธุรกิจ อันจะก่อให้เกิดยอดขาย และกำไร โดยมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำ ดังนั้น ผู้ผลิตหรือออกแบบโกดังควรยึดหลักสำคัญในการกลยุทธ์การเลือกทำเลที่ตั้ง 3 อย่าง คือ
-
- การเลือกทำเลที่ตั้งคลังสินค้าใกล้แหล่งผลิตและตลาด โดยจะต้องให้สอดคล้องกัน ซึ่งหากทำได้จะเป็นวิธีการในการลดต้นทุนได้ทั้งต้นทุนการขนส่ง ต้นทุนในการบริการลูกค้า
- การเลือกทำเลที่ตั้งคลังสินค้าใกล้ตลาด ทำเลใกล้ตลาดอาจะเป็นผลดีต่อการให้บริการ แต่ทั้งนี้เนื่องจากการตั้งคลังสินค้าใกล้ตลาดจะต้องใช้ต้นทุนคงที่ด้านที่ดิน อาคารและสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ที่อาจมีต้นทุนสูงมาก
- การเลือกทำเลที่ตั้งคลังสินค้าใกล้แหล่งผลิต คลังสินค้าวัตถุดิบจะมีความสำคัญมากในกระบวนการเริ่มต้นของการผลิตการเลือกทำเลที่ตั้งในลักษณะนี้จะต้องอยู่ใกล้กับแหล่งวัตถุดิบให้มากที่สุดทั้งนี้ เนื่องจากความต้องการวัตถุดิบมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
- ฉนวนกันความร้อน ควรติดตั้งวัสดุกันความร้อน เพื่อรักษาอุณหภูมิของโกดังให้คงที่ เพราะอากาศภายในโกดังมีผลต่อสินค้าในโกดัง ถ้าอุณหภูมิไม่เหมาะสมสินค้าอาจเกิดความเสียหายได้
เพราะความร้อนในสะสมช่วงกลางวัน จะส่งผ่านเข้าสู่โครงสร้าง ดังนั้นตอนมุงหลังคาจึงควรใส่ฉนวนกันร้อนไปพร้อมกันเลย ในท้องตลาดมีให้เลือกหลากหลาย การตัดสินใจเลือกนั้น แนะนำให้ดูค่า 2 ตัวที่สำคัญ คือ ค่า K คือค่าการนำพาความร้อน (Conductivity) และ ค่า R คือค่าการต้านทานความร้อน (Resistivity) ซึ่งฉนวนกันความร้อนที่ดีควรมีค่า K น้อย และ ค่า R มาก เพื่อประสิทธิภาพการกันความร้อนที่สูงสุด ที่สำคัญอย่าลืมเปรียบเทียบฉนวนในหน่วยเดียวกันเพื่อป้องกันความผิดพลาดในการเปรียบเทียบวัสดุฉนวนแต่ละชนิด
อ้างอิง: www.scgbuildingmaterials.com
- การเลือกผู้เชี่ยวชาญ จ้างผู้เชี่ยวชาญรายเดียวในการออกแบบ ก่อสร้าง และงานระบบทั้งหมด เพื่อให้คลังสินค้ามีโครงสร้างการใช้งานที่สอดคล้องกัน
งานระบบ M&E คืออะไร
งานระบบ (บางครั้งเรียกว่างาน M&E = mechanical and electrical engineering) งานระบบในการก่อสร้างนั้นหมายถึงกลุ่มงาน ระบบสุขาภิบาล, ระบบไฟฟ้า, ระบบไฟฟ้าสื่อสาร, ระบบดับเพลิง, ระบบปรับอากาศ ซึ่งระบบเหล่านี้เป็นสิ่งพื้นฐานที่ทุกโครงการก่อสร้างโรงงาน จำเป็นต้องมี
ศึกษาข้อมูล งานระบบ M&E เพิ่มเติม:www.chopanich.com
- การจัดวางอุปกรณ์ โดยคำนึงถึงความยืดหยุ่น หากในอนาคตมีการปรับเปลี่ยนหรือขยายสินค้า
- ความสะดวกในการทำความสะอาดและซ่อมบำรุง อ้างอิง พรบ. ควบคุมอาคาร 2522 มีขอบข่ายการดำเนินงานดังนี้
- การตรวจสอบใหญ่ – เป็นการตรวจสอบโครงสร้างอาคารและระบบทุกระบบ โดยให้กระทำทุก 5 ปี
- การตรวจสอบประจำปี – เป็นการตรวจสอบตามแผนการตรวจอาคารและอุปกรณ์ประกอบของอาคารประจำปีที่ผู้ตรวจสอบได้จัดทำไว้ในการตรวจสอบใหญ่
ประเภทของอาคารที่ต้องตรวจสอบ
- อาคารสูง – อาคารที่บุคคลเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอยได้ที่มีความสูงตั้งแต่ 23 เมตรขึ้นไป
- อาคารขนาดใหญ่พิเศษ – มีพื้นที่รวมกันทุกชั้นในหลังเดียวตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป
- อาคารชุมนุมคน – เพื่อประโยชน์ ในการชุมนุมคนที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 1,000 ตารางเมตรขึ้นไป หรือชุมนุมคนได้ตั้งแต่ 500 คนขึ้นไป
- โรงมหรสพ – มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดให้สาธารณะชนเข้าชมการแสดงนั้นเป็นปกติธุระกิจ โดยจะมีค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม
- โรงแรม – มีจำนวนห้องพักตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป
- อาคารชุด – ที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป
- อาคารโรงงาน – ที่สูงกว่า 1 ชั้น และมีพื้นที่ตั้งแต่ 5,000 ตารางเมตรขึ้นไป
- ป้าย – สูงตั้งแต่ 15 เมตรขึ้นไป หรือมีพื้นที่ตั้งแต่ 50 ตารางเมตรขึ้นไป หรือป้ายที่ติดตั้งหรือตั้งบนหลังคาหรือดาดฟ้าของอาคารที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 25 ตารางเมตรขึ้นไ
- สถานบริการ – สถานบริการที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 200 ตารางเมตรขึ้นไป
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม: www.aes-service.com
- ระบบกล้องวงจรปิด ติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ได้มาตรฐาน เพราะผู้จัดการคลังสินค้าสามารถสังเกตการณ์ทำงานผ่านกล้องและเมื่อเกิดปัญหา ก็สามารถช่วยแก้ไขได้ทันที
- พื้นของโกดัง การลงทุนสำหรับงานพื้นของโกดัง ควรให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะจะช่วยลดอุบัติเหตุจากการทำงานได้ พื้นที่ดีต้องสามารถรับกำลังความแข็งแรงได้ตามความต้องการของผู้ใช้ และทนต่อสภาพดิน ฟ้า อากาศ หรือสภาวะแวดล้อมได้ตามอายุการใช้งาน โดยสามารถคงรูปร่าง คุณภาพ คุณสมบัติ และสภาพผิวหน้าการใช้งานได้ดีเช่นเดิม ความคงทนของผิวหน้าพื้นคอนกรีต
- การวางแผนเรื่องการจัดการ ควรมีการวางแผนการจัดการที่เหมาะสม ผู้ให้บริการควรใส่ใจกับรายละเอียดทุกขั้นตอนของกระบวนการ เพื่อลดการเกิดปัญหาในอนาคต
ขอบข่ายการบริหารสินค้าคงคลัง
- ระยะเวลา สินค้าที่สั่งมาจะมีความสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้รวดเร็วเพียงใด
- ต้นทุน จะต้องใช้เงินเท่าไรที่จะซื้อสินค้ามาเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น
- ต้นทุนที่ใช้ซื้อสินค้าเพื่อขาย (Costs of Acquiring)
- ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา (Costs of Holding)
- การบริการ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น
การบริหารคลังสินค้าและสินค้าคงคลังด้วยหลักการ ABC Analysis (Always Better Control)
ส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการจัดวางสินค้า ช่วยลดต้นทุนการขนถ่ายสินค้าด้านแรงงานและเวลาที่ใช้ มีหลักการดังนี้
- สินค้าที่ขายดี – ไม่ดี จะมีตำแหน่งการวางต่างกัน
- สินค้าที่ขายดี อยู่ใกล้ประตูเข้าออก เพื่อสะดวกในการขนถ่าย
- สินค้าที่ขายไม่ดี จะเก็บด้านใน เพราะไม่ค่อยมีการขนถ่ายสินค้า
- สินค้าที่มีขนาดใหญ่ ขนถ่ายลำบาก จะเก็บใกล้ประตู
วิธีลดต้นทุนการขนส่ง
การขนส่งแต่ละรูปแบบมีลักษณะที่แตกต่างกัน ลักษณะเด่นและด้อย จะมีอยู่ในทุกรูปแบบการขนส่ง ดังนั้น การขนส่งแต่ละรูปแบบจึงพยายามที่จะพัฒนาตัวเองให้เจริญก้าวหน้าอยู่เสมอ เพื่อให้การขนส่งมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล กล่าวคือ
ตัวอย่างการจัดสรรพื้นที่เก็บสินค้า
Fixed Storage
- สถานที่จัดเก็บถูกกำหนดชัดเจน
- ขนาดของที่จัดเก็บจะต้องเพียงพอเพื่อรองรับปริมาณสินค้าคงคลังของสินค้านั้นๆ
- ต้นทุนการเคลื่อนย้ายสินค้าต่ำ
- ต้นทุนของสถานที่จัดเก็บสูง
Randomized Storage
- สามารถจัดเก็บได้ทุกที่
- ที่จัดเก็บสินค้าทั้งหมดต้องเพียงพอในการรองรับปริมาณสินค้าทุกรายการ
- ต้นทุนของสถานที่จัดเก็บต่ำ
- ต้นทุนการเคลื่อนย้ายสินค้าสูง
Class-based Storage
- สามารถจัดเก็บได้ทุกที่ภายในโซนที่กำหนด
- ที่จัดเก็บสินค้าในแต่ละโซนต้องเพียงพอเพื่อรองรับปริมาณสินค้าในโซนนั้นๆ
- ต้นทุนของสถานที่จัดเก็บและการเคลื่อนย้ายสินค้าปานกลาง
อ้างอิงจาก www.mmthailand.com
- มองคลังสินค้าแบบสามมิติ เพราะจะช่วยให้การออกแบบและการใช้สอยของพื้นที่โกดังมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ระบบลีนโลจิสติกส์ (Lean Thanking) สามารถนำแนวคิดแบบลีนโลจิสติกส์มาใช้ นอกจกจะช่วยประหยัดเวลาในการทำงานแล้ว ยังลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกได้ด้วย
ลีนโลจิสติกส์เป็นการนำแนวคิดแบบลีนซึ่งได้รับการคิดค้นและนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมการผลิต เนื่องจากผู้ผลิตต้องการผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและผู้ใช้งานให้ทันท่วงที โดยทำให้ต้นทุน และใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีประสิทธิภาพทางการแข่งขันกับคู่แข่งได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ลีนโลจิสติกส์ ยังครอบคลุมถึงการจัดการพื้นที่คลังสินค้าเพื่อให้ใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ให้เหลือพื้นที่ว่างที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ภายในคลังสินค้า จึงสรุปได้ว่า ลีนโลจิสติกส์ คือการปรับการทำงานเพื่อลดการสูญเสียให้ได้มากที่สุด โดยเพิ่มคุณค่าและประสิทธิภาพในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ คุณนิตยา มีความเห็นว่า “ลีนโลจิสติกส์คือ วัฒนธรรมของการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง (continuous improvement) เพื่อพัฒนาหรือปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ดีกว่าเดิม”
อ้างอิงจาก:http://thai.logistics-manager.com/
Key Takeaway
การสร้างโรงงาน โกดัง หรือคลังสินค้า เป็นการลงทุนครั้งสำคัญของธุรกิจ การวางแผนก่อนที่จะมีการก่อสร้างเกิดขึ้นจริง ครอบคลุมความเสี่ยงต่าง ๆ ได้นั้น จะช่วยสนับสนุนบริหารจัดการต้นทุนดำเนินกิจการได้หลายด้าน โดยเฉพาะต้นทุนที่จะเกิดจากค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ เช่น หากเลือกทำเลที่ตั้งโรงงานไม่เหมาะสมตั้งแต่แรก แม้จะนำระบบโลจิสติกส์มาใช้ ก็เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้น ศึกษาเพิ่มเติม การเลือกที่ตั้งโรงงานและคลังสินค้า – 4 ปัจจัยสำคัญช่วยตัดสินใจ
10 เทคนิคการก่อสร้างโกดังให้มีประสิทธิภาพ
- การเลือกทำเล
- วัสดุกันความร้อน
- การเลือกผู้เชี่ยวชาญ
- การจัดวางอุปกรณ์
- ความสะดวกในการบำรุงรักษา ซ่อมแซมระบบ
- ระบบกล้องวงจรปิด
- พื้นของโกดัง
- การวางแผนที่ดี
- มองคลังสินค้าแบบสามมิติ
- ระบบโลจิสติกส์
อ้างอิงจาก : thai.logistics-manager.com/ , www.thaifranchisecenter.com/
[…] เทคนิควางแผนสร้างคลังสินค้า บริหาร… ตั้งแต่การเลือกทำเล การออกแบบ […]
[…] […]
[…] […]
[…] […]
[…] […]