How to kill the virus ฆ่าเชื้อไวรัสวิธีไหน ให้ออฟฟิศและบ้านของคุณ สะอาด ปลอดภัย

วิธีฆ่าเชื้อไวรัส ในบ้าน อาคาร ออฟฟิศ ในสถานการณ์ที่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ระลอกที่สามของประเทศไทย ที่ถูกค้นหาใน Google มากเป็นอันดับต้นๆ ว่ามีวิธีไหนบ้างฆ่าเชื้อไวรัส ที่สามารถทำให้เรามั่นใจได้ ทำให้เราทำงานและดำเนินชีวิตได้อย่างสบายใจมากยิ่งขึ้น วิธีการฆ่าเชื้อไวรัสในบ้าน อย่างได้ผลให้คุณไว้เป็นแนวทาง อาทิเช่น ควรมีการทำความสะอาดสถานที่ อุปกรณ์ เครื่องใช้ที่มีผู้สัมผัสจำนวนมาก เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได โต๊ะอาหาร ด้วยแอลกอฮอล์ 70% อย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้ง ความร้อน อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสขึ้นไปสามารถฆ่าเชื้อโคโรน่าไวรัส SARS-CoV-2 การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ  สามารถช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับโรค Covid-19 ได้  เราทุกคนจึงต้องทราบวิธีที่จะป้องกันตัวเองจากเชื้อไวรัสร้ายนี้  โดยการทำความรู้จักว่าไวรัสตัวนี้จะถูกทำลายหรือลดจำนวนลงได้จากอะไรบ้าง

เอทิล แอลกอฮอล์  (ethanol) 

ที่ความเข้มข้นอย่างน้อย 70%  สามารถฆ่าเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ SARS-CoV-2 ได้  ควรมีการทำความสะอาดสถานที่ อุปกรณ์ เครื่องใช้ที่มีผู้สัมผัสจำนวนมาก เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได โต๊ะอาหารด้วยแอลกอฮอล์ 70% อย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้ง สำหรับเครื่องใช้อื่น ๆ เช่น ผ้าห่ม ผ้าปูเตียง เครื่องครัว จาน ชาม ช้อน ซ้อม แก้วน้ำ ให้ทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาด

สารประกอบคลอรีน

ที่ใช้ตามบ้านคือ โซเดียมไฮโปคลอไรท์ (sodium hypochlorite) หรือน้ำยาฟอกขาวหรือคลอรีนน้ำ ซึ่งใช้เป็นสารฆ่าเชื้อได้ มีชื่อการค้าหลายยี่ห้อเช่น ไฮเตอร์ (Haiter), คลอร็อกซ์ (Clorox)  ส่วนมากเป็นชนิดเข้มข้น  ถ้าจะนำมาใช้ต้องเจือจางให้มีความเข้มข้นของโซเดียมไฮโปคลอไรท์ เท่ากับ 0.5% โดยปริมาตร  ซึ่งเป็นความเข้มข้นที่สามารถฆ่าเชื้อโคโรน่าไวรัสได้

น้ำยาฆ่าเชื้อเดทตอล

มีขาย 2 ชนิด คือ Dettol Hygiene Multi-Use Disinfectant  และ  Dettol Antiseptic Disinfectant ซึ่งมีสารออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน Dettol Hygiene Multi-Use Disinfectant มีสารออกฤทธิ์เป็น alkyl dimethyl benzoyl ammonium chloride เข้มข้น 2.4% ฆ่าเขื้อโรคได้ แต่ไม่สามารถใช้กับผิวหนัง Dettol Antiseptic Disinfectant มีสารออกฤทธิ์เป็น chloroxylenol เข้มข้น 4.8% (สังเกตโดยการดูที่ขวดจะมีมงกุฎสีฟ้าบนฉลาก) ซึ่งใช้ได้กับผิวหนัง ถ้าจะใช้ทำความสะอาดพื้นผิว ให้เจือจางในอัตราส่วนน้ำยา 1 ส่วน ผสมน้ำ 39 ส่วน ถ้าใช้กับผิวหนัง ต้องเจือจางลงให้เหมาะสม เช่น ใช้ล้างบาดแผล ให้เจือจางน้ำยาในอัตราส่วน 1:20 หรือถ้าใช้เพื่ออนามัยของร่างกาย ให้เจือจาง 1:40 National Environmental Agency (NEA) ของประเทศสิงคโปร์ มีการศึกษาเกี่ยวกับสารฆ่าเชื้อที่สามารถใช้กับ Coronavirus สายพันธุ์ที่เคยมีก่อนหน้าไว้หลายชนิด แต่เนื่องจากเชื้อ SARS-CoV-2 เป็นเชื้อสายพันธุ์ใหม่ จึงยังไม่มีข้อมูลการศึกษา ข้อมูลต่างๆ จึงเป็นข้อมูลที่ได้จากการศึกษากับ Coronavirus ที่เคยมีรายงานไว้เท่านั้น ตามตาราง

ความร้อน อุณหภูมิ  60 องศาเซลเซียสขึ้นไป สามารถฆ่าเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ SARS-CoV-2 ได้

ควรรับประทานอาหารปรุงสุก  รวมถึงการซักผ้าด้วยระบบน้ำร้อน 60-90 องศาเซลเซียส เพื่อช่วยลดการปนเปื้อนของเชื้อโรค  แต่การรับประทานน้ำร้อน หรืออาบน้ำร้อนไม่ได้ช่วยลดจำนวนเชื้อโรคแต่อย่างใด การล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ นานอย่างน้อย 20 วินาที จะช่วยลดจำนวนเชื้อไวรัสลงได้

ภูมิคุ้มกันที่ดีของร่างกาย

จะสังเกตได้ว่า อัตราการเสียชีวิตจากโรค Covid-19 มักเกิดในผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมาจากการที่ผู้สูงอายุมีภูมิคุ้มกันที่ลดลง   การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ  ออกกำลังกาย และทานอาหารที่มีประโยชน์  พร้อมทั้งปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ  ก็สามารถช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้

การฆ่าเชื้อไวรัสด้วย เคมี หรือการพ่นฆ่าเชื้อ

คือการฆ่าเชื้อโรคโดยการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคด้วยเครื่องพ่นละอองฝอย หรือเครื่องพ่นหมอก พ่นละอองฝอย (Misting Sanitize) มักใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพสูง (High-Level disinfectant) อย่าง กลูตารัลดิไฮด์ (glutaraldehyde) และสารอื่น ๆ ตามสูตรของแต่ละบริษัท ที่เราสามารถตรวจสอบการอนุญาตผลิตภัณฑ์ประเภทวัตถุอันตรายเหล่านี้ได้ โดยดูจากฉลากบรรจุผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองคุณภาพจาก อย. หรือเข้าไปสืบค้นที่เว็บไซต์ของ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำยาฆ่าเชื้อเหล่านั้นเหมาะสมกับการนำมาใช้งานตามพื้นที่พักอาศัยได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

น้ำยาฆ่าเชื้อสามารถคงประสิทธิภาพอยู่ได้ประมาณ 1 เดือน ด้วยการฉีดพ่นเป็นละออง พื้นที่ที่ถูกปกคลุมด้วยละอองขอน้ำยาจึงมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคต่อไปได้อีกระยะเวลาหนึ่งตามการใช้งาน ฆ่าเชื้อโรคได้ตรงจุด สามารถกำหนดคุณสมบัติเพื่อประสิทธิภาพที่ตรงตัวได้ ควบคุมพื้นที่และเข้าถึงพื้นที่ที่ต้องการได้ละเอียดกว่า สามารถคงประสิทธิภาพได้ยาวนานกว่า

การฆ่าเชื้อไวรัสด้วย Ozone

โอโซน หรือ o3 ก๊าซโอโซน คือ ก๊าซออกซิเจนในสถานะพิเศษที่มีโครงสร้าง 3 อะตอม เกิดจากโมเลกุลออกซิเจนได้รับพลังงานจากแหล่งพลังงาน เช่น ฟ้าผ่า แสง UV โคโรน่าดิสชาร์จ จึงเกิดการแตกตัว และรวมเป็น  3  อะตอม ซึ่งจะคงสภาพอยู่ได้ประมาณครึ่งชั่วโมง เชื้อในห้องจะตายหมดหลังการอบ แต่เนื่องจากโอโซนจะสลายไปจนหมดภายในเวลา 0.5-1 ชั่วโมง ทำให้เชื้ออาจกลับเข้าสู่ภายในห้องได้ใหม่ การอบโอโซนจึงเหมาะกับพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่พลุกพล่าน เช่น ออฟฟิศขนาดเล็ก หรือบ้านเรือนที่พักอาศัยส่วนตัวมากกว่า เพราะสามารถควบคุมการใช้งานได้ดีกว่าพื้นที่ขนาดใหญ่หรือพื้นที่สาธารณะ ข้อดี คือ ไม่มีสารตกค้าง จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายในระยะยาว ไม่จำเป็นต้องเก็บห้องเพื่อเตรียมอบโอโซน สามารถทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ราคาย่อมเยา

การป้องกันเชื้อไวรัสด้วย แผ่นกรองอากาศ HEPA H14

ช่วงปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะด้วย โควิด 19 หรือ PM 2.5 ต่างก็ผลักดันให้เครื่องกรองอากาศกลายเป็นหนึ่งในอุปกร์ประจำบ้านที่สำคัญ และเครื่องกรองอากาศที่ใช้ไส้กรองแบบ HEPA ก็เรียกได้ว่าเป็นพระเอกของเรื่องนี้เลยทีเดียว แต่ไม่ใช่ HEPA ทุกประเภทจะละเอียดพอที่จะป้องกันไวรัสได้ เราจึงอยากแนะนำให้รู้จัก HEPA H14 กัน

HEPA FILTER คืออะไร? HEPA หรือที่ย่อมาจากคำว่า “High Efficiency Particulate Air Filter” จัดเป็น แผ่นกรองอากาศคุณภาพสูง ทำมาจากเส้นใยไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) ถักทอจนมีขนาดที่เล็กมากๆ จนมันมีความสามารถ ในของการกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กมากๆ (Small Particles) ได้เป็นอย่างดี HEPA Filter ที่นิยมคือระดับ H13 นั้นสามารถดักจับฝุ่นที่มีอนุภาคเล็ก 0.3 ไมครอน แต่ไวรัสโดยทั่วไปมีขนาดประมาณ 0.125 ไมครอน  การเลือกใช้ HEPA Filter จึงควรเจาะจงที่ระดับ H14 จึงจะสามารถกรองได้ถึงระดับ 0.1 ไมครอน และป้องกันเชื้อไวรัสได้นั่นเอง

จุดเด่นของการเลือกใช้เครื่องกรองอากาศ คือ เป็นวิธีการจัดการกับไวรัสที่คุกคามต่อสิ่งมีชีวิตน้อยที่สุด เพราะเน้นการดักจับและกรองให้เหลือแต่อากาศบริสุทธิ์ออกมานั่นเอง ทั้งยังช่วยกรองฝุ่นและมลพิษให้กับห้องได้อีกด้วย เหมาะกับบ้านที่มีเด็กๆ อาจใช้ร่วมกับการฆ่าเชื้อโรคด้วยระบบแสง UV ประดิษฐ์ ในช่วงเวลาที่ไม่มีคนใช้ห้องก็จะได้ประสิทธิภาพดีขึ้น

การฆ่าเชื้อไวรัสด้วย แสง UV ประดิษฐ์

อีกหนึ่งวิธีดีๆ ที่เหมาะเพียงแค่เสียบปลั๊ก(หรือเปิดสวิช) ก็ทำการฆ่าเชื้อไวรัสได้แล้ว ด้วยการใช้แสง UV ซึ่งหลอด UV นั้นจะให้แสงในช่วง UV-C ที่เหมาะแก่การการฆ่าเชื้อนั่นเอง UV-C นั้นมีความยาวคลื่น 253.7 nm สามารถฆ่าเชื้อในอากาศได้ ทำให้เมื่อเราเปิดหลอด UV-C ไว้ในห้อง ก็จะสามารถฆ่าเชื้อในห้องได้นั่นเอง ขึ้นอยู่กับระยะเวลา และการหมุนเวียนอากาศภายในห้อง และการฉายรังสี UV-C นั้น ยังสามารถใช้กับการฆ่าเชื้อในของเหลว และบนพื้นผิวได้อีกด้วย ดังจะเห็นว่ามีเครื่องฉาย UV-C แบบพกพาที่สามารถฉายรังสีลงบนสิ่งของใกล้ตัวเราอย่างมือถือหรือแว่นตาได้ หลักการทำงานของ UV-C ก็คือ เมื่อไวรัสได้รับแสง UV-C เข้าไป ฤทธิ์ของรังสี UV-C จะเข้าไปทำลาย DNA ของสิ่งมีชีวิตทำให้เชื้อโรคไม่สามารถขยายพันธ์ได้ และทั้งไวรัสและแบคทีเรียก็จะตายเพราะเหตุนี้นี่เอง รวมทั้งเราจึงควรระมัดระวังในการใช้หลอด UV-C เพราะแม้แต่มนุษย์และสัตว์เลี้ยงเองก็อาจได้รับผลกระทบเมื่อฉายแสงใส่โดยตรง

การฆ่าเชื้อไวรัสด้วย แสง UV จากธรรมชาติ

และวิธีสุดท้ายที่เราอยากแนะนำก็คือการฆ่าเชื้อโรคให้กับบ้านในแบบดั้งเดิมที่ทำกันมาตั้งแต่โบราณ นั่นคือในวันอากาศดี เราอาจจะเปิดม่านรับแสงแดดให้เข้ามาในบ้านบ้างเป็นการระบายอากาศเก่าและให้แสงแดดช่วยฆ่าเชื้อโรครวมทั้งกลิ่นอับให้ออกไปจากบ้าน อาจจะทำในวันหยุดบ้างก็เป็นอะไรที่สร้างความสดชื่นให้กับบ้าน

การป้องกันและฆ่าเชื้อไวรัส ให้กับออฟฟิศและบ้านให้สะอาดปลอดภัยมีหลากหลายวิธีที่เรานำมาฝากกันและเชื่อว่าจะเป็นไอเดีย เสริมเข้าไปเป็นมาตรการป้องกันในแต่ละพื้นที่ให้ทุกคนมาทำงานอย่างสะบายใจกลับบ้านอย่างมั่นใจ เพราะนอกเหนือจากการดูแลตัวเองแล้ว การดูแลพื้นที่ที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่นั้นสำคัญเช่นเดียวกัน ขอให้ทุกท่านปลอดภัย และปฏิบัติตาม คำแนะนำของแต่ละพื้นที่อย่างเคร่งครัด สำหรับอาคารสำนักงาน บริษัท เน็กซ์พลัส เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เรามีมาตรการ ป้องกัน และตรวจวัดไข้ และดูแลในเรื่องความสะอาดอย่างเคร่งครัด ทั้งในส่วนออฟฟิศและโครงการก่อสร้างทุกโครงการเช่นเดียวกัน เชื่อว่าเราจะผ่านไปด้วยกันค่ะ

Cr :   https://www.samitivejhospitals.com/ ,  https://www.baanlaesuan.com